ลักข์ฟังมาเล่า : ไขปริศนาถาม-ตอบทุกปัญหาโรคเบาหวาน

จิบกาแฟยามสาย สไตล์ลักข์เล่า

วิทยากรบรรยายในงานเสวนาของชมรมฯ เดือนมกราคม 2562 รศ.นพ.สมพงษ์  สุวรรณวลัยกร

เรื่อง     “ไขปริศนา ถาม-ตอบทุกปัญหาโรคเบาหวาน”

ก่อนการบรรยาย อาจารย์ได้ขอชี้แจงทำความเข้าใจกับสมาชิกที่เตรียมตัวไปค่ายเบาหวานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ สำหรับชาวค่ายใหม่ไปเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ สำหรับชาวค่ายเก่าเพื่อไปเรียนรู้ข้อมูลความรู้ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ และอยากให้ทุกคนเตรียมตัวดูแลสุขภาพตัวเองให้พร้อมเดินทาง และจัดเตรียมยาของตัวเองไปให้เพียงพอสำหรับการไปอยู่ที่ค่าย รวมทั้งควรแจ้งลูกหลานญาติพี่น้องไว้ด้วย

เรื่องสำคัญเรื่องที่ 2 คือ เกี่ยวกับภัยฝุ่นควัน PM 2.5 ที่จะเกิดผลเสียต่อสุขภาพปอดของทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุ เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมากจนสามารถเล็ดลอดผ่านโพรงจมูกของเราลงไปในปอดและกรแสเลือดเราได้สามารถทำให้เกิดปัญหากับปอด และในระยะยาวทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้อาจารย์แนะนำให้สมาชิกหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตในที่กลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น N95 ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดและควรถูบ้านวันละ 2-3 เวลาเพื่อลดปริมาณฝุ่นภายในบ้าน

จากนั้นเป็นเวลาให้สมาชิกตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาของโรคที่ตัวสมาชิกเองกำลังเผชิญอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี อาจารย์เปิดโอกาสให้ถามได้ทุกคำถามโดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องโรคเบาหวานก็ได้

สมาชิกถาม       :  เป็นโรคกรดไหลย้อน ควรจัดการอาหารการกินอย่างไร เพราะระดับน้ำตาลสวิงขึ้นลงเป็นอย่างมาก

อาจารย์หมอตอบ : โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคสมัยใหม่ที่ค้นพบเมื่อมีการส่องกล้องลงไปในหลอดอาหาร ทำให้พบว่าหลอดอาหารส่วนล่างที่ติดกับกระเพาะถูกทำลายจากกรดในกระเพาะ ในกระเพาะของเรามีเยื่อเมือกพิเศษที่เคลือบกระเพาะของเราทำให้กระเพาะของเราทนกรดในกระเพาะของตัวเองได้ ปลายหลอดอาหารในร่างกายของคนที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหารนี้ มี “หูรูด” ที่ปิดแน่น จะเปิดเมื่อมีอาหารไหลผ่านลงมาและปิดแน่นทันที แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน จะมีอาการหูรูดหย่อน และอาหารค้างอยู่ในกระเพาะนานขึ้นเพราะกระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง ทำให้กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น เมื่อเราล้มตัวลงนอน กรดที่มีอยู่เต็มกระเพาะสามารถที่จะไหลย้อนขึ้นมาได้เพราะหูรูดหย่อน อาการของโรคกรดไหลย้อนจึงพบได้บ่อยในช่วงเวลากลางคืน อาการของโรคกรดไหลย้อนมีแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่ากรดไหลย้อนขึ้นมาสูงถึงไหนในหลอดอาหาร ถ้าหากปล่อยให้เป็นโรคกรดไหลย้อนเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นได้ เพราะฉะนั้นจึงควรปรับวิธีการกินอาหาร ก่อนล้มตัวลงนอนไม่ควรมีอาหารในกระเพาะมื้อเย็นจึงควรกินให้น้อย หากเป็นโรคกรดไหลย้อนต้องกินยาลดกรด และกินติดต่อกันต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล

ไขทุกปัญหา

สมาชิกถาม       : ระดับน้ำตาลในช่วงหลังสูงถึง 150-160 ทำไมคุณหมอที่รักษาถึงบอกว่าเพราะเราอายุเยอะแล้ว ตัวเลขนี้จึงไม่น่ากังวล แล้วก็ไม่ยอมเพิ่มยาให้

อาจารย์หมอตอบ         :  คุณหมอจะดูค่าระดับน้ำตาล HbA1C (ค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสม 3 เดือน) ประกอบการรักษาไม่ได้ดูเพียงค่าน้ำตาลตอนเช้าเพียงค่าเดียว ถ้าระดับน้ำตาลสูงในตอนเช้าหมายความว่าส่วนหนึ่งเกิดจากอาหารที่เรากิน และอีกส่วนเกิดจากร่างกายของเราที่สร้างขึ้นเอง เมื่อเรากินอาหารแล้วระดับน้ำตาลของเรามีมากเกินไปร่างกายก็จะนำไปเก็บสะสมไว้ที่ตับ กล้ามเนื้อ ไขมัน ดังนั้นคนที่ระดับน้ำตาลสูงในตอนเช้าอาจจะเกิดได้จากการที่ตับสร้างน้ำตาลออกมาเยอะเกินไป  กล้ามเนื้อและไขมันปล่อยน้ำตาลที่สะสมไว้ออกมาเยอะเกินไป การที่คุณหมอยังไม่ปรับยา

ให้ทันทีเพราะระดับน้ำตาลเฉลี่ยทั้งวันดีแล้ว แต่ค่าน้ำตาลตอนเช้าสำหรับคนเป็นเบาหวานก็ควรจะอยู่ในระดับ 90-130 ถ้าสูงกว่านี้ต้องหาสาเหตุว่าเป็นเพราะเรากินมื้อกลางคืนมากเกินไปหรือเปล่า หรือจำเป็นที่จะต้องปรับยาจริงๆ

สมาชิกถาม       : ทำไมคุณหมอถึงให้ยาโซดามิ้นท์ เป็นยาแก้อะไร?

อาจารย์หมอตอบ         : โซดามิ้นท์เป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง คุณหมอจะจ่ายให้สำหรับคนไข้เบาหวานที่มีภาวะของโรคไตและเลือดมีภาวะเป็นกรด เนื่องจากคนที่เป็นโรคไต ไตจะไม่สามารถทำหน้าที่ขับของเสียออกไปได้มากพอ ร่างกายของคนเราเวลากินแป้ง(คาร์โบไฮเดรต) แป้งจะกลายเป็นกลูโคส ร่างกายนำไปใช้ให้เกิดพลังงาน ที่ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ น้ำเราปัสสาวะออกมา ส่วนคาร์บอนไดออกไซด์เราจะหายใจออกมา เพราะฉะนั้นแป้งจึงเป็นพลังงานสะอาด อาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ที่เมื่อเรากินเข้าไปแล้วร่างกายจะนำไปสร้างโปรตีนที่เรียกว่าอัลบูมินเพื่อนำไปเสริมสร้างร่างกาย อีกส่วนจะกลายเป็นกรดที่เป็นของเสียเรียกว่ากรดอะมิโน ซึ่งจะขับออกทางไต เพราะฉะนั้นคนที่มีภาวะของโรคไตจะไม่สามารถรักษาสมดุลค่าเกลือแร่ในร่างกายนี้ได้ ทำให้ร่างกายมีภาวะความเป็นกรดสูงเกินค่าที่ปลอดภัยซึ่งก่อนให้เกิดผลเสียแก่ร่างกาย คุณหมอจ่ายยาตัวนี้ให้รักษากาวะเลือดที่มีกรดเกิน

สมาชิกถาม       : ช่วงนี้ไปจับของหรือใครมาโดนตัวแล้วเหมือนมีไฟฟ้าช้อต

อาจารย์หมอตอบ         : ภาวะนี้เรียกว่าไฟฟ้าสถิต เกิดขึ้นต่อเมือของแห้งกับของแห้งเจอกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาอากาศที่มีความแห้ง แต่ถ้าร่างกายของเรามีความชุ่มชื้นจะไม่เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าสถิตหรือรู้สึกเหมือนไฟช้อตเวลาจับต้องสิ่งของ แต่ภาวะนี้ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย

สมาชิกถาม      : อยากรู้ประโยชน์ของการกินโปรไบโอติค

อาจารย์หมอตอบ         : เรื่องโปรไบโอติคยังเป็นเรื่องที่เรารู้และยังไม่รู้อีกเยอะ สิ่งที่เรารู้คือ คนที่มีภาวะท้องเสียแบบท้องเสียเรื้อรัง พบว่าเป็นเพราะเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง มีเชื้อแบคทีเรียที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาอยู่ในร่างกายแล้วก่อให้เกิดโรค การกินโปรไบไฮติคคือการกินเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกายใส่เข้าไปในร่างกายเพื่อเอาเชื้อไปฆ่าเชื้อ เอาเชื้อที่มีประโยชน์ไปแย่งพื้นที่เชื้อที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มีภาวะท้องเสียเรื้อรังหายจากอาการนี้ได้ ตัวอย่างเช่น ยาคูลส์ได้เอาเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ของเด็กอ่อนที่ไม่ก่อเกิดอันตรายใดๆ ในคนมาเพาะเลี้ยงในนมแล้วเติมน้ำตาลเข้าไปทำให้กลายเป็นโยเกิร์ตชนิดหนึ่งขึ้นมา การกินทุกวันทำให้เกิดกระบวนการลดของเสียในร่างกายได้ กระบวนการนี้เรียกว่า โปรไบไอติค คือการเอาเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์มาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะคนในปัจจุบันกินยาฆ่าเชื้อกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้สารตกค้างอยู่เยอะมาก เมื่อเรากินเข้าไปในร่างกายทำให้เชื้อแบคทีเรียมีการเปลี่ยนแปลงและอาจมีเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีปนเข้ามาในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ หากเราหยุดอาหารชนิดนั้นๆ ก็ทำให้ร่างกายปรับตัวได้ หรือบางคนก็ใช้วิธีรักษาด้วยกระบวนการโปรไอโอติค คือการกินเชื้อโรคที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเข้าไป ร่างกายเรามีเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากอาศัยอยู่ ทั้งน้ำลาย ในลำไส้ใหญ่ จนกลายมาเป็นอุจจาระ เพียงแต่เป็นแบคที่เรียที่อยู่กับเราได้ ไม่ก่อให้เกิดโรค

เรื่องที่อยากย้ำเตือนให้ทุกคนตระหนักคือ หลายคนเวลาไม่สบายเจ็บคอ มักจะขอยาฆ่าเชื้อคุณหมอ หรือไปหาซื้อกินเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด! การกินยาฆ่าเชื้อบ่อยๆ โดยไม่จำเป็นนั้น สุดท้ายจะเป็นการทำร้ายตัวเราเอง เราต้องรู้ว่ายาฆ่าเชื้อไม่ได้ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคที่ไม่ดีเท่านั้น มันออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราด้วย ดังนั้นเราจึงไม่ควรกินยาฆ่าเชื้อเองโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราเกิดภาวะของเชื้อโรคดื้อยาได้ในที่อนาคตซึ่งเป็นสภาวะที่อันตรายมาก คุณหมอขอนะครับว่าหากเป็นหวัด อย่าซื้อยาฆ่าเชื้อมากินเอง ร่างกายเรามีภูมิต้านทานที่จะสามารถรักษาตัวเองให้หายได้

ที่มา : จากบทความจิบกาแฟยามสาย สไตล์ลักข์เล่า ที่พิมพ์ลงในจดหมายข่าวของชมรมเบาหวาน รพ.จุฬาลงกรณ์ ฉบับที่ 172 เดือนกุมภาพันธ์ 2562

 

ใส่ความเห็น