ลักข์ฟังมาเล่า “โรคเบาหวานขึ้นตา, การเสื่อมของวุ้นลูกตา :การป้องกันและรักษา”

วิทยากรบรรยายในงานเสวนาของชมรมฯ เดือนกรกฎาคม 2560 รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธ์
เรื่อง “โรคเบาหวานขึ้นตา, การเสื่อมของวุ้นลูกตา :การป้องกันและรักษา”

พบกันวันนี้อาจารย์ได้เริ่มต้นตั้งคำถามว่า ระหว่างน้ำเปล่ากับน้ำหวานอะไรอร่อยกว่ากัน? น้ำหวานจะมีรสชาติอร่อยกว่าทำให้คนนิยมกินมากกว่า ยิ่งในปัจจุบันมีร้านชา-กาแฟเป็นจำนวนมาก แต่รู้กันไหมว่าประโยชน์ที่เราคิดว่าจะได้จากคุณสมบัติของชา- กาแฟนั้นน้อยมากแต่สิ่งที่ได้กันมาเต็มๆ ก็คือ น้ำตาล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันเป็นเบาหวานกันได้ง่ายขึ้นเพราะการกินน้ำตาลในปริมาณมากในปัจจุบัน ทำให้คนได้รับแคลอรี่เข้าไปในร่างกายมากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้ทัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอ้วนและโรคเบาหวานตามมาได้ง่าย

สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน เมื่อร่างกายมีปริมาณน้ำตาลมากในเลือดมาก ก็จะทำให้เลือดในร่างกายข้นเหนียวมากขึ้น เลือดไหลเวียนยากขึ้น ซึ่งในเลือดที่มีน้ำตาลมากนี้จะไปทำลายเซลที่บุผนังเส้นเลือดในร่างกายของเรา  ดังนั้นโรคเบาหวานขึ้นตา จึงไม่ใช่เฉพาะเพียงเส้นเลือดที่ตาเท่านั้น แต่เส้นเลือดที่สมอง ที่ไต ที่หัวใจ ก็ถูกทำลายไปด้วย

คนที่มีภาวะเบาหวานขึ้นตาแล้ว สิ่งสำคัญที่หมอทุกคนจะแนะนำให้ทำคือ ต้องคุมระดับน้ำตาลให้ได้ มีหลายคนตั้งใจคุมน้ำตาลได้พร้อมกับมีคำถามว่าคุมน้ำตาลได้แล้วทำไมตายังไม่เห็นดีขึ้น? อาจารย์อธิบายว่าการที่เส้นเลือดเสียจนมีภาวะเบาหวานขึ้นตาได้นั้น ไม่ใช่เกิดจากการปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงแค่วันหรือสองวัน แต่ปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงนานนับปี เป็นเวลาหลายปี เพราะฉะนั้นการควบคุมน้ำตาลได้เพียง 3 เดือน 6 เดือนแล้วจะให้อาการเบาหวานขึ้นตาดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนจึงเป็นไปไม่ได้ คนเป็นเบาหวานต้องควบคุมน้ำตาลให้ดี สม่ำเสมอทุกวันอย่างต่อเนื่องไปตลอดถึงจะเห็นผล

และนอกจากน้ำตาลในเลือดสูงแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดเบาหวานขึ้นตาได้เร็วคือ

  1. คนที่ปล่อยให้ระดับไขมันในเลือดสูงจะเกิดภาวะเบาหวานขึ้นตาเร็วกว่าคนที่ควบคุมไขมันได้
  2. ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดของคนอายุ 60 กับ 80 ใครจะนุ่มนวลกว่ากัน? ตามธรรมชาติแล้วคนอายุน้อยกว่าเส้นเลือดจะยืดหยุ่น นุ่มนวลกว่าคนอายุ 80 แต่คนอายุ 80 บางคนเส้นเลือดอาจจะดีกว่าก็ได้เพราะร่างกายคนเรามีความเสื่อมไม่เท่ากัน โดยหลักแล้วเมื่ออายุเยอะขึ้นเส้นเลือดที่มีอายุการใช้งานมานานจะมีความเปราะ แข็ง ไม่ยืดหยุ่นนุ่มนวล ทำให้แรงดันเลือดต้องปั๊มแรงๆ เรียกว่าความดันโลหิตสูง

เพราะฉะนั้นคนที่เป็นเบาหวานที่ปล่อยให้น้ำตาลสูงก็จะทำให้เซลไม่แข็งแรง ถ้าปล่อยให้มีไขมันเกาะทำให้เส้นเลือดตีบ การไหลเวียนของเลือดไม่สะดวก ความดันสูงทำให้แรงดันเลือดต้องปั๊มแรง ถ้าปั๊มแรงมากๆ เข้าก็ทำให้เส้นเลือดแตก ถ้าเส้นเลือดที่ตาแตกเลือดจะไหลไปท่วมจอประสาทตา(เรตินา-จอรับภาพ) ถ้าเลือดออกน้อยก็ทำให้ตามัว มองเห็นได้เป็นหย่อมๆ แต่ถ้าเลือดออกมาเป็นลิ่มออกมามากก็ทำให้มองไม่เห็นเลย แต่เลือดสามารถดูดซึมกลับไปได้แต่ก็จะทิ้งพังผืดไว้เป็นปัญหาในอนาคตต่อไป แต่ถ้ามีแต่น้ำเหลืองออกมา ทำให้จอประสาทตาบวมทำให้การมองเห็นภาพบิดเบี้ยว และมัว

คนเป็นเบาหวานแล้วการมองเห็นแย่ลงเพราะไม่ควบคุมระดับน้ำตาล การคุมระดับน้ำตาลจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยต้องให้ดีไปตลอดตั้งแต่วันนี้ ทำทุกวัน ทำอย่างต่อเนื่อง แล้วเราจะได้รับผลดีไปอีกหลายเดือน หลายปี หลายสิบปีข้างหน้า แต่ถ้าคุมไม่ดีเบาหวานก็จะขึ้นตาแม้จะรักษาบรรเทาอาการได้แต่ก็จะไม่สามารถหายดีได้เหมือนเดิม

ถ้าเบาหวานขึ้นตาแล้วเส้นเลือดแตก นอกจากจะไหลเข้าท่วมจอประสาทตาแล้วยังมีโอกาสไหลเข้าวุ้นตาอีกด้วย วุ้นตาเป็นส่วนประกอบที่เยอะที่สุดในลูกตาคนมีปริมาตร 4 ซีซี ลูกตากลมๆ ของเราส่วนใหญ่บรรจุไปด้วยวุ้นตา วุ้นตาเป็นน้ำอยู่ในตา อยู่ด้านหลังเลนส์ วุ้นตานาบติดอยู่กับจอประสาทตาหรือเรตินา 99% ของวุ้นตาเป็นน้ำ 1% ไม่ใช่น้ำแต่เป็นสารที่เรียกว่า HA (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่อุ้มน้ำ คนเราเมื่ออายุมากขึ้นปริมาณน้ำในร่างกายลดลง ผิวจะเหี่ยวขึ้น น้ำในวุ้นตาก็เช่นเดียวกัน น้ำในวุ้นตาจะมีการหดตัวเมื่ออายุเยอะมากขึ้นทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวุ้นตากับจอประสาทตา เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มีอายุยืนมากพอจะต้องมีภาวะวุ้นตาเสื่อมทุกคน แม้กระทั่งตัวอาจารย์เองก็เสื่อม ต่อให้เป็นหมอร่างกายก็เสื่อม เราป้องกันการเสื่อมไม่ได้ เราหยุดการเสื่อมของร่างกายไม่ได้ (หากใครหยุดการเสื่อมได้แปลว่าชนะกฎธรรมชาติได้ซึ่งเป็นไปไม่ได้ สังขารเสื่อมเป็นเรื่องธรรมดา) แต่เราสามารถชะลอการเสื่อมของลูกตาได้

ตัวเลขสำคัญที่ถ้าคนเป็นเบาหวานทำได้จะทำให้โอกาสเกิดเบาหวานขึ้นตาน้อย หรือเบาหวานขึ้นตาแล้วก็จะเกิดการเสื่อมน้อย เกิดความรุนแรงน้อย น้ำตาลสะสมไม่ให้เกิน 7% ไปตลอด เมื่อไหร่ที่เรากินมาก ตัวเลขน้ำตาลสะสมจะสูง ยิ่งตัวเลขนี้สูง ก็ยิ่งเป็นอันตรายกับตัวคนเป็นเบาหวานเอง ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเบาหวานจะต้องมีเบาหวานขึ้นตา แต่คนเป็นเบาหวานจำนวนมากมีเบาหวานขึ้นตา ใครที่เป็นเบาหวานต้องตรวจตาทุกคน อย่ารอให้เส้นเลือดแตก จอประสาทตาบวมแล้วค่อยมาหาหมอ มาตรวจตาเพื่อให้หมอประเมินว่าเบาหวานขึ้นตาหรือยัง

การรักษาเบาหวานที่จอประสาทตา ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมากขนาดไหน แต่วิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือการคุมระดับน้ำตาลที่ต้องทำโดยตัวคนที่เป็นเบาหวานเอง ถ้าคนไข้มาด้วยเส้นเลือดตีบ หมอจะให้ไปคุมไขมัน คุมน้ำตาลในเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นเลือดแตกในอนาคต แต่ถ้าปล่อยให้มีเส้นเลือดแตกจนมีจุดเลือดออกแล้ว ก็จะประเมินว่าเลือดออกเยอะหรือน้อย  ซึ่งมีวิธีการรักษา 2 อย่างตามอาการคือ 1.การรักษาด้วยการเลเซอร์ เพื่อหยุดการแตกและไม่ให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นเลือดที่ไม่แข็งแรง เพื่อป้องกันเส้นเลือดตันเพราะถ้าตันแล้วจอประสาทตาจะไม่ทำงานการมองเห็นจะหายไป

และ 2. การฉีดยาเข้าไปในลูกกะตา ถ้าหมอตรวจแล้วว่าการเลเซอร์เอาไม่อยู่ก็จะต้องฉีดยาเพื่อบังคับเส้นเส้นเลือดไม่ให้รั่ว โดยต้องฉีดทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือนและห่างไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 4 ปี ยาเข็มละ 2,000-50,000 บาท ค่าใช้จ่ายตลอดการฉีดหลักแสน ถ้าไม่มีเงินจะทำยังไง? การป้องกันด้วยการคุมน้ำตาลเป็นวิธีที่ดีกว่าไหม?

เรื่องที่หมออยากเตือนคือ ห้ามนวดตาเด็ดขาด! เพราะอันตรายทำให้วุ้นตาเสื่อมได้ ที่แชร์กันเรื่องการนวดตาเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น และเวลาเราฟังจากคนอื่นว่าโรคของเราต้องไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีไม่เกี่ยวกับโรคของเราเลยก็ได้  โรคตาของเราไปหาหมอของเราแล้วถามคำถามของเราจะดีที่สุด จะได้คำตอบที่ตรงกับโรคของเราที่สุด

สมาชิกถาม :  คุณพ่อเคยฉีดยามา 5 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ติดเตียงจึงไม่ได้มาหาหมออีก จะทำอะไรได้บ้าง?

อจ.หมอตอบ : ฉีดเพราะเบาหวานขึ้นตาหรือจอประสาทตาเสื่อม? ถ้าฉีดเพราะเบาหวานขึ้นตาจะมีวันหยุดหากควบคุมน้ำตาลได้ แต่ถ้าฉีดเพราะโรคจุดศูนย์กลางรับภาพเสื่อมในผู้สูงอายุหรือ AMD ต้องฉีดต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงการมองเห็น ถ้าหยุดฉีดก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ ตามอายุ แต่ถ้ามารพ.ไม่ได้แสดงว่าระบบอื่นในร่างกายอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าระบบอื่นพอไหวให้พามาตรวจ แต่ถ้าเดินทางมาไม่ไหวแล้ว บางที่เราก็ยอมรับว่าเราไม่สามารถชนะได้ตลอด เรามีแพ้เป็น

สมาชิกถาม : เพิ่งตรวจพบเบาหวานขึ้นตา นอกจากควบคุมน้ำตาลแล้วทำอะไรได้อีกบ้าง?

อจ.หมอตอบ : เบาหวานแบบที่ 1 เกิดในคนอายุน้อยเพราะอินซูลินไม่สร้าง โดยยังไม่รู้ว่าตับอ่อนถูกโจมตีด้วยอะไรอินซูลินจึงหายไป ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน คุมอาหาร ออกกำลังกาย รวมทั้งต้องควบคุมไขมัน ความดันให้ดี

สมาชิกถาม : อายุ 89 ปี เป็นเบาหวานมา 37 ปี ไม่มีเบาหวานขึ้นตา ผ่าตัดต้อกระจกเรียบร้อยแล้วเมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว ตรวจจอประสาทตาเป็นประจำ หลังจากนี้จะมีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้อีก?

อจ.หมอตอบ : อาจารย์ชื่นชม แสดงว่าเป็นคนมีวินัยและติดตามการรักษาสม่ำเสมอ จะมีอะไรในอนาคตก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะอยู่ไปอีกกี่ปี สมมติว่าอีกสัก 10 ปี ก็ต้องมีความเสื่อมเกิดขึ้นตามอายุ จอประสาทตาก็เสื่อมได้ หนังตาก็ตกได้ แต่ก็เป็นเหมือนกับการตรวจโรคทุกโรค ถ้าเจอเร็ว วินิจฉัยได้เร็ว รักษาได้เร็ว มีโอกาสหยุดโรคได้มากกว่าคนที่เจอช้า

สมาชิกถาม :  เป็นพังผืดที่จอตา ดูแลตัวเองยังไงได้บ้าง?

อจ.หมอตอบ : พังผืดที่จอตาเป็นโรคที่ไม่รู้สาเหตุที่ชัดเจน การรักษาจึงคลุมเครือ แต่เชื่อว่ามีการอักเสบ มีการรั่วของเส้นเลือด ซึ่งคนไข้ทำอะไรได้น้อยมาก นอกจากการรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี เป็นมากหมอก็ผ่าตัด เป็นน้อยก็ติดตามอาการ

สมาชิกถาม : เบาหวานขึ้นตาแล้วจะหายไหม?

อจ.หมอตอบ : เบาหวานขึ้นตาคือมีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดที่ตา เมื่อเส้นเลือดมีการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิม แต่สามารถที่จะรักษาไม่ให้เป็นเพิ่มได้

ที่มา : จากบทความจิบกาแฟยามสาย สไตล์ลักข์เล่า ที่พิมพ์ลงในจดหมายข่าวของชมรมเบาหวาน รพ.จุฬาลงกรณ์ ฉบับที่ 154 เดือนสิงหาคม 2560

ใส่ความเห็น