ปณิธานเบาหวานสำหรับปีใหม่

ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลัย่างเข้ามา หลายคนมีปณิธานสำหรับปีใหม่ ลักข์เองก็เช่นกัน เป็นปณิธานปีใหม่ที่ตั้งใจทำมาได้หลายปีแล้ว

หลังจากที่ลักข์เป็นเบาหวานแบบเกเรอยู่นาน 10 ปี เมื่อเหลียวมองเพื่อนรอบข้างที่อยู่ในวัย 20 กว่าปีเหมือนกัน รู้สึกได้เลยว่าทุกคนมีพลังที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมากมาย ลักข์เองก็ทำได้แต่รู้สึกว่าต้องใช้พลังงานมากกว่าคนอื่นอีกหลายเท่าตัว เหนื่อยมากกว่าคนอื่นอีกหลายเท่าตัวกว่าจะได้เห็นความสำเร็จแต่ละอย่างที่ตั้งใจทำ และที่รู้สึกมากคือหลอกตัวเองต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ต้องยอมรับความจริงว่าคนเป็นเบาหวานถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดีก็คงไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไปแน่ๆ

และก่อนที่จะขึ้นปีใหม่ ลักข์ได้ตั้งปณิธานไว้ในใจตัวเองว่าจะพยายามหาทางดูแลรักษาเบาหวานของตัวเองให้ได้ ให้ดี ปีนั้นได้ไปหาหมอในวันสุดท้ายของปีพอดี 31 ธันวาคม 2540my dm resolutionแค่คิด แค่ตั้งปณิธาน ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ลักข์ดูแลเบาหวานได้ดีอย่างที่คาดหวัง
แค่คิด แค่ตั้งปณิธาน ความสำเร็จไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้อย่างที่จินตนาการเอาไว้
นอกจากคิด นอกจากความตั้งใจ ลักข์ต้องใส่พลังความมุ่งมั่นจนสุดหัวใจในการลงมือทำเลยทีเดียว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลักข์ชอบที่จะไปหาหมอในวันทำการวันสุดท้ายของปี เพื่อให้ตัวลักข์เองได้ทบทวนปณิธานที่ตั้งไว้ของต้นปี และเพื่อตั้งปณิธานใหม่สำหรับปีที่กำลังจะมาถึง และสำหรับปีนี้ลักข์ได้ไปหาหมอมาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555 (ผลการตรวจอยู่ในเกณฑ์ที่ผ่านได้ ไม่นับว่าดีเท่าไหร่นัก) ระหว่างที่รอพบคุณหมก็เลยได้เปิดแฟ้มดูประวัติการมารักษาเบาหวานของตัวเอง ไม่เคยนับจำนวนปีที่ผ่านมาสำหรับการตั้งปณิธานเบาหวาน แต่พอได้เห็นตัวเลขปีพ.ศ.ในแฟ้ม ยังจำความรู้สึกแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้วได้เลย ก็เลยได้มีโอกาสทบทวนถึงหลายสิ่งหลายอย่างของหลายๆ ปีที่ผ่านมา …

ในช่วงปีแรกๆ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน การควบคุมระดับน้ำตาลก็ยังเป็นไปได้ยากอย่างมากมาย จนแทบอยากที่จะถอดใจ แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบยอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุด อีกรวมทั้งการที่ได้เจอกับประสบการณ์ตรงของโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานที่เรียกว่าเบาหวานขึ้นตายิ่งทำให้รู้สึกว่า จะต้องหาวิธีดูแลเบาหวานของตัวเองให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

my DM history

ประสบการณ์ของเบาหวานขึ้นตาเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ทำให้ลักข์เกิดความรู้สึกว่า ถ้ายังมีโอกาสมองเห็น ถ้ามีโอกาสที่จะแบ่งปันประสบการณ์เรื่องโรคแทรกซ้อนของเบาหวานให้กับสมาชิกใหม่ที่เป็นโรคเบาหวาน ลักข์จะทำ ลักข์ไม่อยากให้คนที่เป็นเบาหวานต้องเจอกับโรคแทรกซ้อนอย่างที่ลักข์เจอเลย …. จำได้ว่าจุดดำที่เห็นลอยไปมาในตาข้างซ้าย เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็กลายเป็นปื้นดำ และในที่สุดเหลือพื้นที่ที่มองเห็นก็เหลือเพียงนิดเดียว …. เป็นครั้งแรก(แน่นอนว่ายังเหลือตาอีกข้างที่ตามมา)กับความรู้สึกที่หวาดกลัวจนขนหัวลุกเพราะเฉียดที่จะตาบอด นอกจากกลัวจนขนหัวลุกแล้ว ยังได้เจอกับประสบการณ์การเลเซอร์ตาที่เจ็บมากกว่าการที่ต้องเจาะเลือดและฉีดอินสุลินอีกหลายร้อยพันหมื่นเท่าเลยทีเดียว

การที่ได้เป็นโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ทำให้มีโอกาสได้เจอบุคคลากรทางการแพทย์มาหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบที่น่ารัก และไม่น่าเชื่อว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ ลักข์รักษาในรพ.รัฐมาโดยตลอด (เคยเปลี่ยนรพ.แต่ก็เป็นรพ.รัฐทั้งหมด และหมอทุกคนก็พูดตรงกันว่าลักข์เป็นเบาหวาน ดูแลควบคุมได้แต่รักษาไม่หายขาด ฮาาา) ตอนที่ตาเลือดออก ลักข์ได้รับทั้งการปฏิเสธที่จะรักษาเพราะคิวการรักษาเต็ม รวมทั้งลักข์ได้รับการรักษาอย่างทันทีแค่ขอให้มีจังหวะเครื่องที่ใช้รักษาว่าง (โดยที่คุณหมอออกรักษาทั้งที่ไม่ใช่วันออกตรวจ) และยังมีอีกหลายเหตุการณ์มากมายที่ลักข์รู้สึกว่าบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์นั้นมีปริมาณที่มากกว่าคนที่ไม่น่ารักเยอะมาก

ลักข์คิดว่า ถ้าคนไข้ทุกคนหันมาชื่นชมและขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ด้วยหัวใจ ด้วยความทุ่มเท จะเป็นการให้กำลังใจที่ดีสำหรับคนเหล่านี้มากกว่าการมุ่งตำหนิติเตียนเจ้าหน้าที่ที่ไม่น่ารัก เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องเสียเวลา เสียอารมณ์ของตัวเราเองแล้ว ยังทำให้บรรยากาศของการรักษาไม่ดีด้วย นอกจากจะขอบคุณและชื่นชมบุคคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลเราอย่างดีแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้บุคคลากรทางการแพทย์หายเหนื่อยได้ก็คือ การตั้งใจที่จะดูแลตัวเองให้ดี

ทุกวันนี้นอกจากลักข์จะดูแลตัวเองเพื่อตัวเองแล้ว ลักข์ยังดูแลตัวเองด้วยความรู้สึกว่าร่างกายนี้เป็นส่วนหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ที่ให้มาลักข์ต้องดูแลให้ดี รวมทั้งลักข์ดูแลตัวเองด้วยความรู้สึกขอบคุณเพื่อเป็นการตอบแทนบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ของเขาด้วยหัวใจที่ทุ่มเท

จะว่าไปหน้าที่ของการดูแลระดับน้ำตาลเป็นของคนที่เป็นเบาหวานนะ เราต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง คนรอบข้างเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้นเอง

ลักข์ดูแลตัวเองแบบมึนๆ อยู่หลายปี กว่าที่ลักข์จะควบคุมดูแลระดับน้ำตาลได้ด้วยความรู้ ด้วยความเข้าใจ ก็คือช่วงหลังเมษายน ปี 2546 ที่ลักข์มีโอกาสได้ไปเข้าค่ายเบาหวานกับโรงพยาบาลศิริราช (อายุ 30 ปีพอดีเป๊ะ!)

การที่ได้มีโอกาสไปค่ายเบาหวานทำให้ลักข์รู้ว่าทุกตัวเลขของระดับน้ำตาลมีเหตุและผล มีที่มาที่ไปเสมอ ระดับน้ำตาลไม่มีทางที่จู่ๆ ก็สูงแบบไม่มีสาเหตุ หรือต่ำโดยไม่ได้ทำอะไร เมื่อรู้หลักการและเหตุผลของที่มาที่ไปของระดับน้ำตาลทำให้ลักข์รู้ว่าลักข์จะจัดการระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ยังไง

หลังจากที่ลักข์ดูแลควบคุมรักษาระดับน้ำตาลของลักข์ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้แล้ว ลักข์มีเหตุให้ต้องผ่าตัดถึง 2 ครั้ง คือ จากอุบัติเหตุเดินลื่นหกล้มจนขาหักต้องผ่าตัดดามเหล็กเข้าไปในกระดูก (กลายเป็นมนุษย์มีเหล็กแล้ว ฮาาาา) และการตรวจพบก้อนเนื้อที่เต้านมขนาดไม่เล็ก (ถึงแม้จะมีการเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจว่าเป็นเนื้อดีไม่ใช่เนื้อร้ายแต่คุณหมอก็บอกว่าขนาดใหญ่เกินไปที่จะวางใจว่ามันจะไม่กลายพันธุ์ไปในอนคต ตัดมันออกไปมั่นใจกว่ากันเยอะ)
My DM history01เสียงเล่าลือเล่าอ้างมาเป็นเวลานานว่าเป็นเบาหวานแล้วผ่าตัดไม่ได้!? หรือผ่าตัดแล้วจะเป็นอันตรายมาก!? ลักข์เถียงขาดใจเลยว่าหากมีเหตุจำเป็นการผ่าตัดสามารถทำได้อย่างปลอดภัย แต่จะไม่ปลอดภัยสำหรับคนเป็นเบาหวานที่ปล่อยให้ระดับน้ำตาลสูงอยู่ตลอดเวลา (คำเล่าลือเล่าอ้างคงมาจากคนที่ไม่ดูแลตัวเองแล้วไม่โทษตัวเองแต่โทษว่าเป็นเพราะโรคเบาหวานแน่เลย ว่ามั้ย?) ผลการผ่าตัดของลักข์ดีทั้ง 2 ครั้งแผลสวย หายแห้งสนิทภายในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยที่นอนพักหลังผ่าตัดแค่คืนเดียวเอง

จะว่าไปตั้งแต่ลักข์ตั้งปณิธานเบาหวานก็ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างโรคเบาหวานกับลักข์นั้นดีขึ้นตามจำนวนปีที่ผ่านไป ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ ทุกมิตรภาพที่เกิดเพราะโรคเบาหวานนั้นล้วนเป็นเรื่องดีในชีวิตทั้งสิ้น (ไม่ได้หมายความว่ามีแต่เรื่องดี แต่ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนดี)

เพราะนอกจากลักข์จะมีความรู้ในการดูแลตัวเองได้แล้ว ความรู้และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลักข์มีโอกาสได้แบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์กับเพื่อนร่วมโรค และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างแก่เพื่อนร่วมโรคในหลายวาระและหลากโอกาสมาโดยตลอด
Slide1 และที่สำคญที่สุดความรู้และประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ลักข์สามารถต่อยอดความรู้เพื่อนำมาดูแลคุณแม่ที่เป็นโรคไตในระยะสุดท้ายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ปณิธานที่ลักข์ได้ตั้งไว้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ลักข์ตั้งใจและคาดหวังไว้ให้ตัวเองจะมีชีวิตอยู่กับเบาหวานได้เป็นอย่างดีและมีความสุข …. วันนี้ลักข์มาไกลกว่าที่คาดหวังไว้มาก ลักข์เป็นที่พึ่ง ลักข์ได้เป็นกำลังใจให้กับหลายชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน … คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าหากคนเป็นเบาหวานทุกคนมีความรู้มากพอที่จะควบคุมระดับน้ำตาลของตัวเองให้ได้ ให้ดี ตะได้ไม่มีใครต้องเป็นทุกข์จากโรคแทรกซ้อนที่มีสาเหตุจากโรคเบาหวานเลย

การใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวานจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก (ตอนเป็นโรคเดียวก็ฟุมฟายว่ายาก จนกระทั่งได้ดูแลคุณแม่ที่เป็นเบาหวานและเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย โรคเบาหวานนี่กลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย)

การดูแลโรคเรื้อรังสิ่งสำคัญที่ต้องมีคือหลักความรู้ที่ถูกต้อง (และต้องมีสติให้มาก ไม่หลงเชื่อทั้งคนและโฆษณาเกี่ยวกับอาหารเสริมทุกประเภทที่จะช่วยทำให้ระดับน้ำตาลดีขึ้น หรือทำให้ไตดีขึ้นอย่างเด็ดขาด ลักข์นั่งยัน ยืนยัน นอนยัน ตีลังกายันเลยว่าหลอกลวง 100% เพราะถูกหลอกมาครบทุกชนิด ทุกเชื้อชาติ ทุกสัญชาติแล้วฮาาาา อ้อ รวมทั้งยาผีบอกที่ข้ามภพข้ามชาติก็เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้นนะเออ)

อ้อ ความรู้จะมีประโยชน์กับชีวิตของเราก็ต่อเมื่อเราลงมือทำด้วย และต้องทำด้วยความมุ่งมั่นจริงจังด้วย ไม่ใช่รู้แต่หลักการ ท่องวิธีการได้แต่ไม่เคยลงมือปฏิบัติ เพราะมันจะกลายเป็นเรื่องของความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด โทษว่าเป็นเพราะความร้ายกาจของโรคแต่ลืมว่าความผิดเกิดขึ้นจากตัวเอง ว่าแต่ดูแลโรคแล้วก็ต้องรักษาสมดุลการมีชีวิตอยู่บนโลกให้ได้ด้วยถึงจะเรียกว่าดูแลตัวเองได้ดี เพราะหลายคนใช้วิธีกลายร่างตัวเองเป็นหุ่นยนต์เสียจนขาดชีวิตที่สดใสของความเป็นมนุษย์ไป

หลังจากลักข์ได้ทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ กับปณิธานในปีเก่าๆ ที่ผ่านมา และภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาของวันใหม่ ปีใหม่แล้ว ปณิธานเบาหวานยังคงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับลักข์เหมือนเคยในปีหน้า เพราะลักข์เชื่อว่าเมื่อลักข์สามารถดูแลตัวเองให้ดีได้ ลักข์ก็จะมีแรงและกำลังในการดูแลคนอื่น รวมถึงดูแลหน้าที่การงาน และดูแลเรื่องราวอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิตลักข์ได้ด้วย (แต่จะทำได้ดีแค่ไหนก็แล้วแต่เหตุปัจจัยและจังหวะเวลาที่เข้ามานะ ฮาา)

ลักข์ขอพรปีใหม่ให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี และดูแลสุขภาพให้ดีตลอดปี 2013 นะ สวัสดีปีใหม่ 2013 ค่ะ

18 thoughts on “ปณิธานเบาหวานสำหรับปีใหม่

    • กรี๊ด ได้รับคำชมแล้ว แสดงว่าเขียนแล้วอ่านรู้เรื้องมากขึ้นใช่ไหมคะ? 🙂

    • 40 แล้วค่ะ ดีใจที่ข้อมูลเป็นประโยชน์นะคะ 🙂 ข้อดีของการเป็นเบาหวานคือการที่ได้ดูแลตัวเองก่อนเพื่อนวัยเดียวกัน เห็นประโยชน์ข้อนี้มากตอนช่วง 30 ปลายๆ นี่แหละค่ะ 555

  1. ( แอบ)คำนวนแล้วคุณลักอายุ 40 แล้วใช่ป่ะคะ : ) ดูแลตัวเองดีจัง ติดตามอ่านข้อมูลค่ะ จะนำไปปรับใช้กะลูกชายบ้าง

    • 40 แล้วค่ะ ดีใจที่ข้อมูลเป็นประโยชน์นะคะ 🙂 ข้อดีของการเป็นเบาหวานคือการที่ได้ดูแลตัวเองก่อนเพื่อนวัยเดียวกัน เห็นประโยชน์ข้อนี้มากตอนช่วง 30 ปลายๆ นี่แหละค่ะ 555 (ตอบอีกที ให้ถูกที่ แหะ แหะ)

  2. สวัสดีค่ะคุณลักข์ ได้นั่งหาข้อมูลเรื่องโรคไตให้คุณแม่และได้เจอบทความของคุณลักข์ได้อ่านศึกษา และจะขอคำปรึกษาวิธีการดูแลคุณแม่ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคไตและท่านกลัวว่าจะเป็นมากถึงขั้นฟอกไตนะคะ
    คุณแม่อายุ 56 ปีค่ะ โรคประจำตัว หลายโรค เบาหวาน ความดัน ไขมัน กระดูกเสื่อม และสุดท้ายเป็นโรคไต ซึ่งล่าสุดทางโรงพยาบาลที่คุณแม่เข้ารับยาโรตไตได้แจ้งว่าอาการโรคไตของแม่อยู่ที่ระดับ 3 และถ้าไม่ปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัดอาจจะเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นถึงขั้นฟอกไตได้ จึงทำให้ดิฉันเป็นห่วงท่านอย่างมาก และขอคำแนะนำในการดูแลเรื่องภาวะควบคุมอาหารเพราะโรคไตจะต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ดิฉันกังวลใจคือคุณแม่ท่านเป็นหลายโรคและแต่ละโรคเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากการเริ่มต้นเป็นโรคเบาหวาน และมีความต่อเนื่องกันทุกโรคจึงทำให้ไม่ทราบว่าจะดูเรื่องเรื่องอาหาร และเรื่องที่สำคัญอย่างอื่นต้องเน้นที่โรคไหนเป็นหลักค่ะ ( ส่วนตัวกลัวว่าถ้าไปเน้นดูแลโรคหนึ่งก็อาจจะทำให้อีกโรคเป็นมากขึ้น ) จึงอยากขอคำแนะนำในการดูแลท่านตามข้อมมูลคร่าวๆที่ได้กล่าวมาข้างต้นค่ะ

    • ถ้าเป็นลักข์ ลักข์จะชะลอทุกโรคให้เสื่อมช้าที่สุดด้วยการดูแลตัวเองอย่างเข้มงวดจริงจังเลยค่ะ เพราะถ้าไม่รีบปรับตัว อายุที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวเร่งทุกโรคค่ะ ตอนนี้ยไตยังไม่เสื่อม จนถึงขั้นต้องล้างไต ขอแนะนำให้รักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ให้มากที่สุดค่ะ นอกจากดูแลเรื่องปริมาณอาหารประเภทอาหาร รวมถึงการออกกำลังกายแล้ว การเจาะน้ำตาลก่อนอาหารและหลังอาหารทุกมื้อน่าจะช่วยได้นะคะ (ราคาแผ่นเจาะเลือดเบากว่าการล้างไตมากมาย และถ้าควบคุมได้ เกินคุ้มค่ะ)แล้วในเมื่อมีภาวะของไตเสื่อมแล้ว จำเป็นต้องปรับเรื่องรสชาติอาหาร และลดอาหารประเภทที่มีโซเดียมสูง (อาหารอายุยาวเลี่ยงหรืองดไปเลยค่ะ)

  3. ถ้าลักข์เขียนต่อไปอีกหน่อยก็คงพอจะนำไปรวมเล่มเป็นหนังสือและพิมพ์เผยแพร่ได้ จะมีประโยชน์กับคนป่วยและผู้ดูแลในวงกว้างยิ่งขึ้นนะคะ รวมทั้งคำถามคำตอบที่สำคัญไปด้วยนะ 😀

    • ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะพี่แมว ยังงงตัวเองอยู่มากเพราะไม่ได้ลำดับความคิดก่อนเขียน เจอเรื่องอะไรมาก็เล่าไปเรื่อย ตั้งหลักจัดลำดับไม่ได้สักที เลยกระเตาะกระแตะอยู่อย่างนี้ ที่จริงมีเรื่องอยากเขียรและที่ตั้งใจเขียนอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ช่วงนี้งานดูแลคน ดูแลบ้านรุมเร้าเสียจนกระทั่งตัวเองยังๆม่มีเวลาดูแล ใกล้หมดสภาพเลยทีเดียว แต่ได้กำลังใจจากพี่แมวอย่างนี้ไว้ฮึดใหม่ 🙂 ขอบคุณมากนะคะ xoxo

      • You are the Champion! So go for it! ❤

  4. ผมเป็นเบาหวานที่เคยกินยา แต่เลิกกินไปปีเศษแล้ว เพราะเห็นว่าการกินยาไม่ใช่การรักษาที่ถูกต้องทั้งหมด วันๆผมเอาแต่ค้นคว้าหาความรู้เรื่องโรคเบาหวาน เมื่อเจอข้อเขียนของคุณลักข์ถูกใจ ทำให้อยากแชร์สิ่งที่ผมรู้และประสบมากับตนเองครับ

  5. สวัสดีครับ ผมนั่งหาข้อมูลเรื่องอาหารสำหรับคนเป็นโรคไตอยู๋ เลยมาเจอเพจของคุณลักข์เข้า ผมก็เป็นเบาหวานมา 10 กว่าปีแล้ว ดูแลตัวเองแบบจริงจังบ้างปล่อยปะละเลยบ้าง ปีที่แล้วเบาหวานขึ้นตา รักษาฉีดยากันตลอดทั้งปี ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ปีนี้ภาวะไตเสื่อมกำลังมาเยือน เลยต้องหาข้อมูลเพื่อปรับตัวเตรียมรับศึกใหม่จะทะยอยอ่านบทความที่คุณลักข์ อ่านสนุกได้ความรู้ดีครับ

  6. ดีใจที่บทความมีประโยชน์ค่ะ

    จากนี้ไปคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์นะคะ เพราะเป็นการชะลอไตเสื่อมได้ดีที่สุดค่ะ

ส่งความเห็นที่ LuckAreerat ยกเลิกการตอบ